ลักษณะหน่อไผ่หวานเพชรล้านนาจะมีขนสีดำติดที่เปลือก ล้างออกง่าย หน่อของไผ่หวานเพชรล้านนาชิมดิบไม่ขม มีรสชาติหวานหอมอร่อย หน่อที่ขุดมาทำอาหารจะขุดหน่อในระยะที่ไม่ยาวเกินไป ถ้ายาวเกินไปจะขึ้นข้อทำให้ได้เนื้อน้อย นำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเหมือนไผ่บงหวาน เนื้อหน่อเมื่อนำมาแกงจะนุ่มกว่าไผ่บงหวาน ออกทะวายนอกฤดูได้เหมือนไผ่บงหวาน
![]() |
แหล่งที่มาของข้อมูล: http://www.chiangraifocus.com/ |
ไผ่หวานเพชรล้านนาที่ปลูกได้ประมาณ 8 เดือน เริ่มให้หน่อที่ใหญ่ขึ้นพอๆกับหน่อไผ่บงหวาน แต่จะเริ่มให้หน่อใหญ่ขึ้นเมื่อผ่านไปหลังจากปลูก 15 เดือน และจะโตเต็มที่ให้หน่อที่ใหญ่สุดเมื่อปลูกได้ 2 ปีผ่านไป
การปลูกไผ่หวานเพชรล้านนา
ปลูกในระยะระหว่างต้น 2x4 เมตร โดยพื้นที่ 1 ไร่จะใช้ต้นไผ่จำนวน 200 ต้น โดยขุดหลุมกว้าง 30x30x30 เซนติเมตร จากนั้นคลุกหลุมปลูกด้วยขี้เถ้าแกลบเพื่อเก็บความชื้นจะทำให้ไผ่บงหวานโตเร็วขึ้น ถ้าจะใช้ปุ๋ยคอกเก่ารองก้นหลุมก็ให้คลุกให้เข้ากันก่อน ใส่ปุ๋ยคอกรองก้นหลุมประมาณ 1 กำมือ ถ้าใส่มากกว่านี้ต้นจะเหลืองและโตช้าเพราะรากไผ่ที่เกิดใหม่มีน้อยและยังอ่อนอยู่ เมื่อเตรียมหลุมเสร็จก็นำต้นพันธุ์ที่เตรียมไว้ปลูก โดยให้กลบดินให้เสมอกับดินเดิม ถ้าปลูกในช่วงฤดูแล้งก็ปลูกลึกกว่าดินเดิมได้เล็กน้อย หลังจากปลูกให้รดน้ำทันทีให้ชุ่ม ต่อไปก็ให้รดน้ำทุกๆ 3 วันจนกว่าฝนจะตกชุก ถ้าเกษตรกรปลูกตรงกับฤดูแล้งควรจะหาฟางข้าวหรือวัสดุคลุมดินอื่นๆคลุมที่โคนไผ่ จะทำให้ต้นไผ่ไม่ขาดน้ำและเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง
ในหนึ่งปีต้องตัดแต่งต้นเก่าแก่ออกปีละ 1 ครั้งในช่วงเดือนพฤศจิกายน โดยนำไปใช้ทำไม้ค้ำยันผลไม้และผักในสวน หรือจะนำไปใช้เผาถ่านไม้ไผ่ไว้ใช้ในครัวเรือน เหลือก็ขายมีรายได้เพิ่มอีกทาง ส่วนเศษใบเศษกิ่งไผ่ก็ทิ้งไว้ในแปลงปล่อยให้จุลินทรีย์ย่อยสลาย กลายเป็นปุ๋ยให้ต้นไผ่ต่อไป นอกจากตัดแต่งต้นเก่าออกปีละครั้งแล้ว
ช่วงเวลาฤดูฝนเป็นช่วงที่ต้องปล่อยให้หน่อไผ่ที่แทงออกห่างกอขึ้นลำ โดยกอหนึ่งจะปล่อยให้ขึ้นลำประมาณ 8-12 ลำ เพื่อเป็นลำแม่ที่จะให้หน่อในฤดูถัดไป ลำที่ปล่อยขึ้นใหม่จะมีแขนงออกตามข้อ ต้องคอยตัดแขนงทิ้ง แขนงที่อ่อนสามารถนำไปรับประทานได้ ในช่วงนอกฤดูแขนงจะไม่ออกเพราะหน่อไผ่ที่ออกมาจะถูกขุดขายตลอด ยิ่งขุดยิ่งออกมาเรื่อยๆ ซึ่งช่วงนี้ถือเป็นช่วงนาทีทอง ของคนที่ฝากปากท้องไว้กับไผ่ ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกคบกับไผ่พันธุ์ไหน ไผ่บงหวานจะเก็บผลผลิตได้ 20-50 กิโลกรัมต่อไร่ต่อวัน(ผลผลิตที่ได้ขึ้นอยู่กับการคัดเลือกสายพันธุ์และการดูแลจัดการที่ถูกต้อง)
ไผ่บงหวานจะออกหน่อง่าย ออกได้เรื่อยๆทั้งปี ระยะเวลาที่หน่อโตพอที่จะขุดได้ใช้เวลาเพียง 2-3 วัน ในช่วงนอกฤดูจะออกหน่อดก แต่ในช่วงฤดูฝนราวๆเดือนสิงหาคมเป็นต้นไปก็ต้องปล่อยให้ขึ้นลำไปบ้าง จึงเก็บผลผลิตได้น้อยกว่าในช่วงนอกฤดู ในช่วงฤดูฝนเมื่อหน่อไผ่ธรรมชาติออกมา
การคลุมโคนไผ่
วัสดุที่ใช้คลุมโคนไผ่ ให้ใช้ขี้เถ้าแกลบ ขี้เถ้าจากการเผาแบบชีวะมวล หรือแกลบดิบที่เก่าๆ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นเพราะจะทำให้ได้ผลผลิตต่อไร่สูงเพราะที่โคนไผ่มีความชื้นพอเพียง ทำให้หน่อดกและหน่อใหญ่เกษตรกรจะได้น้ำหนักมากกว่าการที่ไม่ได้ใช้วัสดุคลุมโคนไผ่และหน่อยังมีรสชาติที่ดี มีความกรอบไม่แข็ง หวาน มากขึ้น สีผิวของหน่อขาวน่ากิน
การขุดหน่อ
การขุดหน่อไผ่เกษตรกรต้องใช้เสียมลับให้คมเวลาขุดหน่อจะได้ไม่ช้ำ เมื่อจะขุดให้เขี่ยวัสดุที่คลุมหน่อไผ่ออกให้เห็นโคนของหน่อ แล้วใช้เสียมแทงให้ขาด ควรให้ติดส่วนของเหง้ามาสัก 2 เซนติเมตร เพื่อกำจัดเนื้อไม้ที่ยังอ่อนซึ่งเป็นที่อยู่ของตากิ่งแขนงข้าง แต่ถ้าไม่เอาตาข้างที่อัดแน่นกันอยู่ออกให้หมด ก็จะมีกิ่งแขนงเล็กๆขึ้นอยู่ทำให้กอไผ่รกใด้ และจะส่งผลทำให้ตาหน่อไม่สามารถแทงหน่อได้ ทำให้ไม่ค่อยมีผลผลิต
ขั้นตอนการจัดการแปลงไผ่
- เดือน พฤษภาคม เริ่มปลูกไผ่
- เดือน มิถุนายนถึงตุลาคม ดูแลกำจัดวัชพืช ให้น้ำ ให้ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ แต่งกิ่งแขนงไม่ให้รกที่โคนไผ่ เพื่อป้องกันหนูมากินหน่อ และง่ายกับการจัดการ
- เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม ตัดสางลำแก่ทิ้ง แต่งกิ่งแขนงข้างต้นไม่ให้กอรก ใส่ปุ๋ยคอก คลุมโคนไผ่ด้วยขี้เถ้าแกลบหรือวัสดุอื่นๆที่หาง่าย ให้น้ำจนชุ่ม
- เดือนมกราคมถึงเดือนกรกฎาคม ขุดหน่อขายให้หมด ห้ามปล่อยขึ้นลำ เหตุผลเพราะถ้าปล่อยขึ้นลำ อาหารที่กอไผ่สร้างขึ้นจะไปเลี้ยงลำใหม่ที่ยืดสูงขึ้นจะมีผลทำให้หน่อที่เกิดทีหลังฝ่อและไม่ค่อยออกหน่อให้เก็บ
- เดือนสิงหาคมเดือนถึงตุลาคม เก็บหน่อที่เล็กและหน่อที่เกิดชิดต้น แต่เริ่มปล่อยหน่อที่เกิดห่างกอไว้เป็นลำแม่ใหม่ กอละ 8-12 ลำ - เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม ปฏิบัติเหมือนขั้นตอนเดิม ขั้นตอนต่างๆจะวนซ้ำเช่นนี้ทุกๆปีไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น